คาวบอยชักปืน


ท่านผู้อ่านลองนึกถึงหนังคาวบอยเรื่องโปรด ที่เคยดูกันมาแล้วหลายๆเรื่อง ตั้งแต่เด็กๆ จนถึงสมัยนี้นะครับ ตอนที่ตื่นเต้นที่สุด ก็เห็นจะไม่พ้นเวลาที่พระเอกยืนประจันหน้ากับผู้ร้ายตัวต่อตัว มีการจ้องหน้าจ้องตา ข่มขวัญกันเสียหน่อย

พอกระพริบตาปั๊บ ต่างฝ่ายต่างก็ชักปืนพลัวะออกมาจากซอง ยิงใส่กันคนละโป้งทันทีจากระดับเอว แบบไม่ต้องเล็ง

หลังจากนั้น ผู้ร้ายก็จะต้องลงไปนอนตาย (หรือไม่ก็ต้องรอสั่งเสียลูกเมีย หรือพูดจาสารภาพฝากฝังพินัยกรรมอะไรอีกยืดยาว ให้เรียบร้อยเสียก่อนถึงจะยอมตายได้) 

ส่วนพระเอกก็จะต้องยืดอกขึ้นอย่างผึ่งผาย ควงปืนโชว์อย่างน้อยสักขวับสองขวับเสียก่อน จากนั้นจึงยัดปืนกลับเข้าใส่ซอง ได้พอดีกับจังหวะขวับสุดท้ายอย่างสง่าผ่าเผย

หรือถ้าจะให้มันส์ยิ่งกว่านี้อีก ก็ต้องเป็นว่า พระเอกคนเดียวยืนเผชิญหน้ากับเหล่าร้ายตั้งสี่ห้าคน 

พอชักปืน พระเอกก็จะโชว์ฝีมือการใช้มืออีกข้างนึง ตบนกปืนอย่างว่องไวชนิดมองตามไม่ทัน 

สาดกระสุนระดมยิงเข้าใส่ผู้ร้าย ทีเดียวสี่ห้านัดอย่างรวดเร็วเหมือนจุดปะทัด

ทุกนัดไม่มีพลาด จะต้องโดนเหล่าร้ายทั้งสี่ห้าคนนั้นหงายท้องตายหมด โดยผู้ร้ายยังไม่ทันได้ลั่นไกเสียด้วยซ้ำ

นี่คือภาพที่ฮอลลีวู้ด พยายามปั้นขึ้นให้คนดูหนังทั้งหลาย ไม่ว่าฝรั่งด้วยกันเองหรือใครๆก็ตาม เห็นเป็นตุเป็นตะตามไปว่า ของจริงก็คงต้องเป็นอย่างนั้น

คาวบอยคนไหนมีชื่อขึ้นอยู่ในทำเนียบมือปืนชื่อดังแล้วละก็ จะต้องชักปืนยิงได้แบบในหนังนี่แน่ๆเลย


แอ๊คชั่นคัทจากหนังคาวบอยฮอลลีวู้ดหลายๆเรื่อง
 เปรียบเทียบมาดเท่ห์ของพระเอกแต่ละคนเวลาชักปืน 

น่าเสียดายนะครับว่า อินเทอร์เน็ตที่เราใช้หาข้อมูลออนไลน์ ดูโน่นฟังนี่กันได้แบบไร้พรมแดน ไม่ว่าภาพหรือเสียงในทุกวันนี้ ยังไม่สามารถใช้เป็นอุโมงค์มหัศจรรย์ ย้อนเวลากลับไปค้นคว้า หาดูภาพเหตุการณ์จริงในสมัยก่อนได้

เราก็เลยยังไม่มีโอกาสได้รู้กันเสียทีว่า ในสมัยนั้น พวกคาวบอยเขาชักปืนยิงกันแบบนี้จริงหรือเปล่า 

ต้องปล่อยให้นักสร้างหนังทั้งหลาย วาดภาพให้เราดูกันไปพลางๆก่อน

หลักฐานภาพถ่ายต่างๆจากสมัยนั้น เท่าที่มีการเก็บรักษากันไว้ในหอสมุด พิพิธภัณฑ์ หรือคอลเล็คชั่นส่วนตัวต่างๆ ส่วนมากก็จะมีแต่ภาพกำลังยืนเต๊ะท่าถ่ายรูปคู่กับปืน 

หรืออีกทีก็เป็นภาพที่ถ่ายหลังจากถูกยิงตาย กลายเป็นศพเรียบร้อยไปแล้ว

ตอนที่กำลังดวลกันจริงๆ ไม่ยักมีใคร(กล้า)ชักรูปเก็บไว้โชว์กันบ้างแฮะ

แต่จากหลักฐานภาพนี่แหละครับ ที่พอใช้สืบหาความจริงได้บ้าง อย่างน้อยๆก็เห็นชัดว่า คาวบอยสมัยนั้นจริงๆแล้วคาดเข็มขัดปืนกันอย่างไร ซองปืนหน้าตาเป็นอย่างไร พกปืนกันลักษณะไหน

หลังจากนั้น ก็แกะรอยจากหลักฐานอื่นๆเอามาประกอบกัน สรุปความจริงออกมาได้ว่า พกปืนอย่างไรชักปืนยิงกันอย่างไร

ทำให้เราเริ่มหูสว่างกันเสียทีว่า หนังฮอลลีวู้ดนั้น ทั้งโม้และเว่อร์สุดๆขนาดไหน (ตานั้นสว่างมานานแล้ว เนื่องจากถูกเบิกเนตรมาตลอด)

แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน คาวบอยมาดลูกกรุงของเรา เคยเขียนไว้ในนิตยสาร ฮิวแมน ไล้ฟ์ ว่า องค์ประกอบของการเป็นมือปืนที่เหนือชั้นกว่าธรรมดานั้น มีอยู่สามอย่าง

อย่างแรกได้แก่ ความไว

อย่างที่สองได้แก่ ความแม่นยำ

ระหว่างสองอย่างแรกนี้ แบ๊ทกล่าวว่า ความแม่นยำสำคัญกว่าความไว เพราะการชักปืนยิงก่อนแต่ยิงไม่ถูก ย่อมไม่มีประโยชน์ รังแต่จะถูกคนที่ยิงทีหลังแต่แม่นกว่ายิงตายแทน

หรือหากไม่ถึงตาย ก็คงเจ็บตัว จนไม่มีโอกาสได้ยิงนัดที่ 2 ให้ดีกว่านัดแรก (ซึ่งก็ยิงพลาดไปแล้ว ทั้งๆที่ตอนนั้นยังครบถ้วนสามสิบสองดีอยู่)

เหตุผลของแบ๊ทตามที่กล่าวมานั้น เชื่อไม่เชื่ออย่างไร มีหลักฐานประกอบมาให้ลองพิจารณาดู เป็นกรณีศึกษาด้วยครับ

คือเมื่อครั้งที่ ลุค ช้อร์ท เพื่อนของแบ๊ท (คงพอจำชื่อนี้ได้จากเรื่อง ลุค ช้อร์ท คาวบอยจิ๋วแต่เจ็บ นะครับ) ย้ายออกจากเมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ ไปเปิดซาลูนใหม่อยู่ที่เมือง ฟอร์ท เวิร์ธ ในรัฐเท็กซัส 

แล้วเกิดมีปัญหาเข้ากับ จิม คอร์ทไร้ท์ ซึ่งเป็นมือปืนชื่อดังอีกคนหนึ่ง ถึงขั้นเผชิญหน้า และในที่สุดต้องยิงกัน

บันทึกเหตุการณ์เล่าว่า คอร์ทไร้ท์เป็นฝ่ายเริ่มชักปืน ส่วนช้อร์ทถึงจะชักปืนทีหลัง แต่กลับไวกว่า เหนี่ยวไกยิงเข้าใส่คอร์ทไร้ท์ก่อน 

ปรากฏว่าหลุดออกซ้ายไปนิดนึง ลูกปืนไม่ยักวิ่งเข้าเป้าคือหน้าอกของคอร์ทไร้ท์ อย่างที่ตั้งใจ

แต่จะเป็นเพราะชะตายังไม่ถึงฆาต พระดี หรือฟลุคก็สุดแล้วแต่ ลูกปืนที่ช้อร์ทปล่อยออกไปพลาดเป้านั้น ดันวิ่งไปถูกเอาหัวแม่มือขวาของคอร์ทไร้ท์ ขณะที่เจ้าตัวชักปืนขึ้นพ้นจากซองแล้ว กำลังจะง้างนกขึ้นไก

พอหัวแม่มือบาดเจ็บ ง้างนกไม่ได้ คอร์ทไร้ท์ผู้เป็นมือปืนที่มีประสบการณ์สูง ก็รีบแก้สถานการณ์ทันที ด้วยการโยกปืนมาจะยิงด้วยมือซ้ายแทน

แต่ไม่ทันการเสียแล้ว เพราะชอร์ทสามารถใช้เวลาระหว่างนี้ เล็งยิงนัดที่สอง สาม และ สี่ ติดต่อกัน ทะลุเข้ากลางหน้าอกคอร์ทไร้ท์ครบถ้วนทุกนัด

ส่วนองค์ประกอบที่สาม ซึ่งแบ๊ทเน้นว่ามีความสำคัญที่สุด เหนือกว่าทั้งสองอย่างแรก ก็คือ ความใจเย็นครับ 

คนที่ใจเย็นพอที่จะควบคุมบังคับตัวเอง ให้ใช้ความสามารถสองอย่างแรกได้โดยไม่ผิดพลาด ภายใต้สถานการณ์ที่กดดันอย่างรุนแรงถึงที่สุดเท่านั้น ถึงจะเอาตัวรอด

โดยรวมแล้ว แบ๊ทสรุปว่าต้อง ใช้เวลาเล็งให้มันถูกที่ไว้ก่อนค่อยยิง แล้วก็เย็นไว้อย่าตื่นเต้น (Take your time. Place your shots. Keep calm and don’t lose your nerve.)

เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีคนไปสัมภาษณ์ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป มือปืนผู้คงกระพัน เคยผ่านการดวลอย่างโชกโชนมาแล้วเหมือนกันว่า มีเคล็ดลับอย่างไร

วายแอ็ท ผู้ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า เป็นคนที่มีบุคคลิกเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ตอบเพียงสั้นๆ (แต่ดูออกจะกวนๆสักนิด) ว่า จง ใช้เวลาของท่าน - แล้วก็รีบๆหน่อย (Take your time – in a hurry)

พอคนฟังทำท่างงๆ ก็ขยายความเพิ่มอีกนิดให้เข้าใจ (หรือไม่ก็มึนหนักขึ้นไปอีก) ว่า หมายถึง การ ตั้งจิตให้แน่วแน่ แต่กล้ามเนื้อต้องไวกว่าความคิด (Mentally deliberate, but muscularly faster than thought.)

จากนั้นก็เลยไม่มีใครอยากจะถามอะไรต่ออีก

ทั้งหมดที่กล่าวมา ทำให้คิดได้ว่า การชักปืนอย่างรวดเร็ว รีบง้างนก (อย่าลืมนะครับว่าไม่ใช่ปืนลูกโม่ดับเบิ้ลแอ๊คชั่น ที่ไม่ต้องง้างนกก่อนก็ยิงได้) แล้วเหนี่ยวไกยิงจากระดับเอวออกไปเลย แบบ ฮิป ชู้ทติ้ง (Hip Shooting) โดยไม่ต้องยกขึ้นส่อง หรือเล็งให้ดีเสียก่อนนั้น 

คงหวังผลอะไรไม่ได้มากนัก

หากคาวบอยคนไหน กะจะใช้วิธีนี้ในการดวลกับฝ่ายตรงข้าม อย่างจริงๆจังๆละก็ ถ้าไม่ใช่ที่ระยะประชิดมากๆขนาดขว้างก้อนอิฐใส่กันหลบไม่พ้นแล้ว คงไม่มีรายไหนที่โชคดีเหมือนกับ ลุค ช้อร์ท อีกแน่

ส่วนการยิงเร็ว ด้วยวิธีตบนกยิง หรือที่เรียกกันว่า แฟนนิ่ง (Fanning – คงจะเป็นเพราะดูเหมือนการใช้มือทำท่าพัด) ทำได้จริงด้วยการเหนี่ยวไกปืนอุบค้างไว้ก่อน 

จากนั้นก็ใช้สันมือด้านในของมืออีกข้างหนึ่งที่ไม่ได้ถือปืน ตบนกปืนลงให้สุดเพื่อง้างนก แล้วปล่อยแล้วตบไปอีกเรื่อยๆ อย่าปล่อยไกปืน

กลไกของปืนซิงเกิ้ลแอ๊คชั่น จะปล่อยให้ลูกโม่หมุนส่งกระสุนนัดใหม่ขึ้นมา ให้นกสับยิงไปเรื่อยๆได้จนหมด

นอกจากการตบนกยิงแล้ว ยังมีวิธีการยิงเร็วอีกแบบหนึ่ง ที่ใช้หลักการเดียวกัน แต่เปลี่ยนจากการใช้สันมือด้านใน เป็นการใช้นิ้วหัวแม่มือตวัดตบนกแทน

วิธีนี้เรียกว่า สลิ้ป ชู้ทติ้ง  (Slip Shooting) หรือบางทีก็เรียกว่า ธัมบ์ วิปปิ้ง (Thumb Whipping) ซึ่งให้ความเร็วในการยิงได้ไม่แพ้วิธีแฟนนิ่ง

การยิงเร็วทั้ง 2 วิธีดังกล่าว ในเชิงปฏิบัติก็มีข้อจำกัดอยู่มาก น่าจะทำได้คล่องและเร็วจริง กับปืนที่มีแรงรีคอยล์ไม่มากนักเท่านั้น

หากเป็นกระสุนขนาด .45 ลองโคลท์ หรือ .44-40 ที่นิยมใช้กันมากในสมัยนั้น เราคงนึกภาพออกนะครับว่า แรงรีคอยล์จะทำให้ปืนกระดกขึ้นสูง 

ถ้าไม่ขืนไว้(แบบไม่กลัวเจ็บมือ) หรือรอให้ปืนลดลงมาที่ระดับเดิมก่อน(อันจะทำให้ช้าเสียเวลาไป) ก็ต้องคอยเอามือไล่ตามปืนไปตบนกยิงนัดต่อๆไป ซึ่งก็คงไม่สะดวก 

ภาพรวมที่ออกมาก็คงดูตลกดี ไม่น่าจะจ๊าบหรือเท่ห์อย่างที่ตั้งใจจะโชว์นัก

นี่ยังไม่นับอีกว่า นัดหลังๆจะยังยิงถูกซ้ำที่เดิมหรือเปล่า

วายแอ็ท เอิ๊ร์ป เคยพูดถึงการยิงเร็วทั้งสองวิธีนี้ไว้ว่า ตลอดชีวิตของตน ไม่เคยเห็นมือปืนรายไหน ใช้วิธีการตบนกยิงในการต่อสู้เลย

ซึ่งก็เข้าตามตำราว่า ถึงแม้จะยิงได้เร็วสักแค่ไหน แต่ถ้าไม่แม่นเลยละก็ ย่อมเสียเวลาและเปลืองลูกกระสุนไปเปล่าๆ

ดังนั้น ที่เราเห็นกันในหนังว่า พระเอกชักปืนออกมา ตบนกยิงผู้ร้ายทีเดียวสี่ห้าคนตายหมดนั้น ถ้าเป็นของจริงก็จะต้องกลับกลายเป็นว่า พระเอกตบยิงจนหมดโม่ทั้ง 5 นัดแล้ว ไม่ถูกใครเลยซักคน

จากนั้น ถ้าพระเอกไม่ใส่เท้าสุนัข รีบโกยหนีเอาตัวรอดไปให้ได้เสียก่อนละก็ มีหวังโดนผู้ร้ายรุมยิงใส่เป็นที่สนุกสนานจนเละเทะ จำหน้าจำตาไม่ได้อยู่ตรงนั้นเป็นแน่

คงจะสังเกตได้นะครับว่า ผมเขียนว่าหมดโม่ทั้ง 5 นัดไม่ใช่ 6 นัด 

เนื่องจากหลักฐานบอกว่า ถึงลูกโม่จะบรรจุได้ 6 นัด แต่คาวบอยส่วนใหญ่จะนิยมบรรจุแค่ 5 นัดเท่านั้นในการพกไปไหนมาไหน 

จงใจทิ้งช่องลูกโม่ที่ว่างนั้นให้ตรงกับนกปืน เผื่อเกิดมีอะไรกระแทกกระทั้นมาโดนนกปืนแรงๆ จนนกปืนตอกเข็มแทงชนวนเองได้โดยไม่ตั้งใจ

อุบัติเหตุนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ เคลย์ แอลลิสัน (คงพอจำชื่อได้นะครับสำหรับท่านที่เคยอ่านเรื่อง วายแอ็ท เอ๊ร์ป มือปืนผู้คงกระพัน มาแล้ว) โดนปืนลั่นใส่เท้าตัวเอง เป็นข่าวดังบอกต่อกันไปทั่วในยุคนั้น

เรื่องเซ้ฟตี้ของปืนลูกโม่ จึงมีมานานแต่เก่าก่อนแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่

หันกลับมาเรื่องวิธีพกปืนกันอีกทีนะครับ ในหนังคาวบอยฮอลลีวู้ดนั้น จะสังเกตเห็นได้ว่า เข็มขัดกระสุนกับซองปืน จะเป็นชิ้นเดียวต่อเนื่องถึงกัน 

หรือมิฉนั้น ซองปืนก็จะถูกแขวนไว้กับขอบด้านล่างของเข็มขัดกระสุน ที่ถูกเจาะเป็นร่องยาวไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ

นอกจากนี้ ซองปืนจะไม่ได้หุ้มห่อตัวปืนอย่างมิดชิดนัก มักเปิดเผยให้เห็นทั้งด้ามและโกร่งไกปืน ลอยพ้นอยู่นอกซองปืน หรือแม้แต่บากปากซองให้เว้าลง จนมองเห็นโกร่งไกได้ถนัด

ระดับของซองปืน เมื่อคาดเข็มขัดแล้ว จะไม่อยู่ที่เอวหรือส่วนบนของตะโพก แต่จะห้อยต่ำลงมาจนถึงกลางต้นขา
แถมตรงปลายซอง จะมีสายหนังแทนเชือกเส้นเล็กๆ ผูกปลายซองปืนยึดไว้กับต้นขาอีกด้วย

เมื่ออยู่ในท่าพร้อมดวล ทั้งมือและด้ามปืน จะอยู่สูงจากพื้นดินที่ระดับใกล้เคียงกันมาก

เมื่อพิจารณาดูให้ดีแล้ว จึงเข้าใจได้ว่า ซองปืนของฮอลลีวู้ด ถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวก ให้คาวบอยสามารถชักปืนได้อย่างง่ายดาย และไวที่สุดสำหรับการแสดงหนัง

นั่นคือ ซองปืนแขวนอยู่ต่ำลงไป ใกล้กับระดับปล่อยมือ ทำให้ลดระยะในการเอื้อม

ด้ามปืนและโกร่งไก โผล่อยู่นอกซองปืน ทำให้คว้าหมับกระชับมือได้ในทีเดียว และยัดนิ้วชี้เข้าโกร่งไกได้เลย

สายหนังช่วยมัดซองปืนไว้ ให้ยึดแน่นอยู่กับต้นขา ไม่ถูกปืนลากตามขึ้นมาให้ติดขัด เวลาชักปืนเร็วๆ

ในยุคต่อมา ฮอลลีวู้ดยังได้ทำการเสริมโครงเหล็กไว้ภายในซองปืนด้วย เพื่อให้ซองปืนแข็งแรงคงรูปร่างอย่างถาวร  

แถมปรับความกว้างของซองให้อ้วนขึ้น จะได้ไม่บีบรัดลูกโม่ปืน สามารถง้างนกตั้งแต่ปืนยังไม่พ้นออกจากซองได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าลูกโม่จะไม่หมุน และช่วยให้พระเอกสามารถกระตุกปืนออกจากซองได้อย่างลื่นไหล

รับประกันว่า จะไม่กลายเป็นเสือปืนฝืด ให้ต้องขายหน้าคนดูเป็นอันขาด (และจะได้ไม่ต้องเท้คกันใหม่หลายหน ให้เปลืองฟิล์มด้วย)

ดูๆไปแล้ว เหมือนเอากระป๋องนมมาดัดแปลง แล้วหุ้มหนังไว้ใส่ปืน มากกว่าจะเป็นซองปืนจริงๆ

เข็มขัดกระสุนและซองปืน แบบเป็นชิ้นเดียวกันของฮอลลีวู้ดนี้ เพิ่งมีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เมื่อซักประมาณปี ค.ศ. 1920 นี่เองครับ


เข็มขัดปืนบั๊สคาเดโร่ สไตล์ฮอลลีวู้ด
ที่เห็นนี้เป็นรุ่นที่ออกแบบพิเศษ ไม่เพียงแต่ใช้ใน
การแสดงหนังเท่านั้น แต่ยังใช้ในการแข่งขันชักปืนเร็ว
อันเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันยิงปืนซิงเกิ้ลแอ๊คชั่น
ที่ปัจจุบันมีจัดกันอย่างแพร่หลาย โดยชมรมหรือ
สมาคมคาวบอยย้อนยุคต่างๆ ที่มีอยู่มากมายใน
อเมริกาด้วย ซองปืนทำขึ้นจากโครงเหล็กหุ้มด้วยหนัง
และเป็นชิ้นเดียวกันกับแผ่นเหล็กที่ทาบลงไป
บนเข็มขัด และยึดติดไว้ด้วยหมุด 2 ตัวที่เห็น 
ส่วนล่างของซองมีสายเชือกหนัง สำหรับผูกยึด
ปลายซองไว้กับต้นขา เมื่อใส่ปืนลงในซองแล้ว
จะสังเกตเห็นได้นะครับว่า ไม่ได้มิดชิดมั่นคง
แต่อย่างใด ดูเหมือนจะหลุดมิหลุดแหล่เสียด้วยซ้ำ
 

แต่ก็ไม่ใช่ของที่คิดขึ้นเองใหม่ทั้งหมด เพราะพบหลักฐานบอกว่า ก่อนหน้านั้นเคยมีใช้ในหมู่คาวบอยจริงๆ (ที่ไม่ใช่ในหนัง) มาแล้วบ้างเหมือนกัน มีชื่อเรียกว่า เข็มขัดปืนบั๊สคาเดโร่ (Buscadero Gun Belt)

สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ ของเดิมนั้น ส่วนที่เป็นซองปืน จะเป็นเพียงซองหนังธรรมดาๆ เน้นเฉพาะการแกะลวดลายเพื่อความสวยงามเท่านั้น ไม่ได้มีการโมดิฟายอะไรกันอย่างที่ฮอลลีวู้ดเอาไปทำ

ที่มาของเข็มขัดปืนบั๊สคาเดโร่ เข้าใจว่าเป็นความพยายามของพวกคาวบอย ที่จะเพิ่มพื้นที่สำหรับพกกระสุนปืนไว้บนเข็มขัดให้ได้มากที่สุด 

โดยไม่ถูกซองปืนแบบที่ต้องนำมาร้อยทับลงไปบนเข็มขัดกระสุน อันใช้กันมาแต่ไหนแต่ไรนั้น เบียดบังพื้นที่ไป

หลังจากที่ขยายขนาดเข็มขัดให้กว้างขึ้น จนสามารถพกกระสุนทั้งปืนสั้นปืนยาว แยกกันได้เป็น 2 แถวบนเข็มขัดเส้นเดียวกันแล้ว กลับกลายเป็นว่า ทำให้หาซองปืนมาตรฐานแบบเดิมๆมาร้อยทับลงไปได้ยาก

ก็เลยหาทางออกที่ลงตัวที่สุด ด้วยการกรีดเข็มขัดส่วนล่าง เปิดเป็นช่องเอาไว้ห้อยซองปืนเสียเลย กระสุนก็ยังพกได้ครบถ้วนเต็มอัตราเหมือนเดิม


ตัวอย่างเข็มขัดปืนบั๊สคาเดโร่ของจริง 
จากหลักฐานภาพถ่ายในอดีต 
ตามภาพนี้นายอำเภอ เปอรี่ โอเว่นส์ 
แห่งมณฑลอปาชี่ในรัฐอริโซน่า 
คาดเข็มขัดกระสุนที่ออกแบบให้กว้างเป็นพิเศษ
เพื่อให้พกกระสุนได้ทีเดียว 2 แถว  
ทั้งปืนยาวและปืนสั้น แถวบนเป็นกระสุน
ขนาด .45-70 สำหรับปืนสปริงฟีลด์์ไรเฟิล 
ส่วนแถวล่างเป็นกระสุนขนาด .45 ลองโค้ลท์ 
สำหรับปืน โค้ลท์ ซิงเกิ้ล แอ๊คชั่น อาร์มี่  
ซองปืนไม่ได้ร้อยทับลงไปบนเข็มขัดกระสุน 
แต่ห้อยไว้กับส่วนล่างของตัวเข็มขัด 
ด้วยการเจาะแถบล่างของเข็มขัดออกตามแนวยาว
เป็นช่องให้สามารถแขวนซองปืนได้ 



เข็มขัดปืนบั๊สคาเดโร่ เม้ด อิน ไทยแลนด์ (แถวๆสระบุรี)
หน้าตาใช้ได้ทีเดียวนะครับ 

แต่ถ้าดูจากภาพถ่ายต่างๆ ที่มีการบันทึกไว้ในสมัยก่อนแล้ว จะพบว่า คาวบอยส่วนใหญ่ไม่ค่อยใช้เข็มขัดปืนบั๊สคาเดโร่กันนัก 

ส่วนใหญ่นิยมหาซองปืน ตามรูปแบบที่ตัวเองชอบมาจากที่อื่น แล้วเอาไปร้อยทับเข็มขัดกระสุนกันอีกทีเสียมากกว่า
และคาดเอาไว้สูงในระดับเอว หรือส่วนบนของสะโพกทั้งนั้น อีกทั้งไม่มีการผูกปลายซองยึดไว้กับต้นขา

เหตุผลน่าจะเป็นเพราะว่า ในการพกปืนไปไหนมาไหนตลอดเวลานั้น ซองปืนควรจะต้องทิ้งตัวลงล่าง ในตำแหน่งคงที่เสมอ ห้ามโยกหรือแกว่งไปมา ตามจังหวะการเคลื่อนไหวของขา ไม่ว่าจะนั่ง ยืน เดิน วิ่ง  ปีนขึ้นลงม้า ขี่ม้า ตีกัน ฯลฯ

ตัวปืนจะได้ยึดติดอยู่ในซองอย่างมั่นคงตลอดเวลา ไม่ไหลหรือเลื่อนหลุดออกมาเสียก่อน

นอกจากนั้น ซองที่หุ้มห่อปืน ก็จะไม่ออกแนวโป๊เปลือยนุ่งน้อยห่มน้อย ปล่อยให้เห็นส่วนโน้นส่วนนี้ของปืน ล่อสายตาคนอื่นมากอย่างของฮอลลีวู้ด

แต่จะรัดกุม และปกปิดค่อนข้างมิดชิด เพื่อให้ตัวปืนถูกหุ้มห่ออย่างกระชับอยู่ในซอง ไม่หลวมหลุดกระเด็นไปไหน

และที่สำคัญคือ สามารถป้องกันชิ้นส่วนกลไกที่สำคัญของปืน จากกรวด ทราย ฝุ่น น้ำท่า หรือเศษผงต่างๆ ที่อาจทำให้ปืนยิงไม่ออกได้

หลายภาพจากอดีต แสดงให้เห็นรูปแบบของ
เข็มขัดกระสุน และซองปืนที่พวกคาวบอย
นิยมใช้กันทั่วๆไป จะเห็นได้ว่าซองปืนเป็นแบบ
ใช้ร้อยทับเข็มขัด และคาดไว้สูงที่ระดับเอว
ไม่ได้ห้อยต่ำลงมาจนถึงต้นขา หรือต้องมี
สายรัดต้นขาอย่างที่มักเห็นกันในหนัง 

ซองปืนในยุคแรก เป็นซองปืนของทหาร มีฝาปิดอย่างมิดชิด และเป็นซองสำหรับชักยิงด้วยมือซ้าย (มือขวาไม่ว่างเพราะต้องใช้ถือดาบครับ) แต่คาดไว้ที่เอวด้านขวา (เอวด้านซ้ายก็ไม่ว่างอีกเหมือนกัน เพราะใช้แขวนฝักดาบไปแล้ว)

เมื่อเป็นเช่นนี้ ด้ามปืนพกจึงหันออกจากตัวไปข้างหน้า เวลาจะชักปืน ก็ใช้มือซ้ายเอื้อมข้ามพุงมาทางขวา เปิดฝาซองก่อน แล้วจึงคว้าด้ามปืนดึงออก

วิธีชักข้ามพุงแบบนี้ พวกคาวบอยนิยมเรียกกันว่า บอร์เด้อร์ ดรอว์ (Border Draw) หรือที่สมัยนี้นิยมใช้คำว่า คร้อสส์ ดรอว์ (Cross Draw)

วิธีการพกปืน และซองปืนพกแบบมาตรฐาน
ของกองทัพบกสหรัฐฯเมื่อปี ค.ศ. 1881
เป็นซอง “มือซ้าย” มีฝาปิด ใช้คาด
ที่เอวข้างขวา สำหรับชักยิงด้วยมือซ้าย
ในสไตล์ บอร์เด้อร์ ดรอว์ 

มาภายหลัง พวกคาวบอยก็ตัดส่วนที่เป็นฝาปิดของซองปืนออกเสีย เพื่อให้สามารถชักปืนได้ง่ายขึ้น 

และบรรดาคาวบอยซึ่งส่วนใหญ่ถนัดขวา ก็เปลี่ยนมาใช้ ซองมือขวาคาดและพกปืนไว้ที่เอวขวา หันด้ามปืนไปข้างหลัง ให้ชักด้วยมือขวาได้เร็วๆ อย่างที่เราเห็นกันทั่วๆไปแทน

แต่ก็มีคาวบอยถนัดขวาอีกจำนวนไม่น้อย ที่นิยมชมชอบการชักปืนแบบ บอร์เด้อร์ ดรอว์ ก็เลยเอาซองมือขวาไปคาดไว้ที่เอวซ้าย หันด้ามปืนออกมาข้างหน้าอีก

พวกนี้ มักเป็นพวกที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนหลังม้า เราคงนึกภาพออกนะครับว่า เวลาขี่ม้านั้น มือขวาที่กุมสายบังเหียน จะยกสูงอยู่ข้างหน้า เสมอระดับพุงอยู่แล้ว 

จึงเอื้อมไปคว้าปืนที่หันด้ามออกมาข้างหน้าจากเอวซ้าย ได้ง่ายกว่าที่จะต้องเอื้อมถอยหลังยาวไปที่เอวขวา แล้วคว้าปืนที่หันด้ามไปข้างหลัง

คาวบอยพวกนี้ พอลงจากหลังม้าแล้ว หากจะชักปืน ก็ต้องเอื้อมไกลกว่าเวลาอยู่บนหลังม้าหน่อย ยกเว้นเสียว่าจะคอยยกมือขวาค้างไว้ที่หน้าพุง ทำท่าเป็นม้าย่องเวลาเดินไปไหนมาไหน

หากเป็นพวกคาวบอยประเภทนักเลงปืนพันธุ์แท้ ก็จะชักปืนยิงอย่างคล่องแคล่วได้ทั้งสองมือ โดยไม่เกี่ยงว่าปืนจะอยู่ข้างไหนของเอว 

แค่ขอให้หันด้ามออกไปข้างหน้าเท่านั้นเป็นพอ สามารถใช้มือข้างไหนก็ได้คว้ายิงอย่างสบายๆเท่าๆกัน

ทำได้อย่างไรนั้น โปรดดูการสาธิตจากรูปภาพนะครับ 


การชักปืนแบบปกติไม่มีอะไรพิสดาร
เพียงแค่ดึงปืนออกจากซอง
ระหว่างที่ยกปืนขึ้น ก็ง้างนกขึ้นไกไปพร้อมๆกัน
ด้วยนิ้วหัวแม่มือ (ใช้ทั้งนิ้วพาดลงไปบนนก
ไม่ใช่แค่อุ้งนิ้ว มิฉนั้นนกปืนอาจลื่นหลุด
จากปลายนิ้วไปเสียก่อนได้ง่าย หากเปียกเหงื่อ)
เมื่อปืนได้ระดับยิงแล้ว สามารถเหนี่ยวไกได้ทันที
ส่วนจะไว แม่น และใจเย็นสักแค่ไหนนั้น
ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ประสบการณ์
และความสามารถเฉพาะตัวด้วยเหมือนกัน 

การชักปืนแบบ บอร์เด้อร์ ดรอว์ หรือ คร้อสส์ ดรอว์
ใช้มือเอื้อมข้ามไปดึงปืน ที่พกไว้อีกด้านหนึ่งของเอว
(ด้ามปืนที่พกจะหันออกข้างหน้า เพื่อให้สามารถ
คว้าจากฟากตรงข้ามได้) ระหว่างที่หันปืนเข้าเป้า
ก็ง้างนกขึ้นไก เพื่อให้พร้อมยิงได้ทันที 

การชักปืนที่พกหันด้ามออกข้างหน้า ด้วยการใช้มือ
ข้างเดียวกัน สามารถทำได้ ด้วยการพลิกฝ่ามือออก
นอกตัว หันหลังมือเข้าติดเอว จากนั้นก็สอดคว้า
ด้ามปืนจากด้านใน ระหว่างเอวกับด้ามปืน 
ด้วยท่านี้ นิ้วหัวแม่มือจะกางออกและจะพาดอยู่บน
นกปืนทั้งนิ้วได้เองโดยธรรมชาติ ขณะที่นิ้วอีก 3 นิ้ว 
(ตั้งแต่นิ้วกลางจนถึงนิ้วก้อย) จะกำอยู่กับด้าม  
เมื่อดึงปืนขึ้นจากซอง และบิดมือกลับเพื่อหัน
ปากกระบอกปืนออกข้างหน้า หัวแม่มือก็จะบีบ
เข้าที่นกปืนโดยอัตโนมัติ สามารถง้างนกขึ้นไก
ไปด้วยพร้อมๆกัน พอปืนหันออกก็ยิงได้เลย 

เราก็เลยได้ร้องอ๋อเข้าใจว่า ทำไมสิงห์ปืนไวรุ่นเก๋าที่ชอบพกปืน 2 กระบอก ถึงต้องหันด้ามปืนออกด้านหน้าทั้งสองข้างด้วย แทนที่จะหันไปข้างหลังทั้งคู่ หรืออย่างน้อยสักข้างนึง

การพกปืน 2 กระบอก ก็เพื่อให้อุ่นใจว่ามีอำนาจการยิงสำรองอยู่ในมือมาก สามารถยิงต่อกันได้หลายนัดจน กว่าจะหมดต้องบรรจุใหม่ (แบบเดียวกับการพกปืนออโต้ลูกดกในสมัยนี้นั่นเองครับ)

แต่เวลายิงนั้น จะยิงแค่ทีละกระบอก จะยิงให้หมดลูกไปกระบอกนึงก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นอีกกระบอกนึง (ถ้าถนัดข้างเดียว) หรือถือสองมือยิงสลับกันก็ได้ (ถ้าถนัดทั้งสองมือเท่าๆกัน)

ประเภทที่ยิงทีเดียวสองกระบอกพร้อมๆกันนั้น ว่ากันว่าไม่ค่อยมีหรอกครับ ถ้ามี ก็มักจะลงเอยไม่แตกต่างไปจากพวกที่ชอบตบนกยิงนัก

ไวลด์ บิล ฮิกค้อค 
ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งปืน 6 นัด 
พกปืนโค้ลท์ เนวี่ เพอร์คัสชั่น 
ขนาด .36 ที่เอว 2 กระบอก
หันด้ามออกข้างหน้าทั้ง 2 ข้าง 
การพกปืน 2 กระบอกในลักษณะนี้
ทำให้ ไวลด์ บิล สามารถใช้มือ
ข้างไหนก็ได้ตามใจชอบ 
ชักปืนได้จากทั้ง 2 ข้าง 
จะชักทีละกระบอก
หรือทีเดียวทั้ง 2 กระบอก
พร้อมๆกันได้ทั้งนั้น 

มาถึงการควงปืนกันบ้างนะครับ  ว่ากันว่าปืนโค้ลท์ ซิงเกิ้ล แอ๊คชั่น อาร์มี่ รุ่นลำกล้อง 5 นิ้วครึ่ง เป็นปืนที่มีน้ำหนักและสมดุลดีมาก ทำให้ควงได้ง่ายกว่าปืนรุ่นอื่นๆ นี่อาจเป็นคำตอบหนึ่งนะครับ ว่าทำไมหนังคาวบอยฮอลลีวู้ดถึงนิยมปืนรุ่นนี้มาก

คอหนังคาวบอยที่เคยดูเรื่องทูมบ์สโตนแล้ว คงจำฉากที่ จอห์นนี่ ริงโก้ (แสดงโดย ไมเคิล บีห์น) โชว์ลีลาการควงปืนโค้ลท์รุ่นนี้ข่ม ด๊อค ฮอลลิเดย์ (แสดงโดย วาล คิลเม่อร์) ท่ามกลางผู้คนมากมายในซาลูนได้นะครับ 

มีหมุนซ้ายหมุนขวากลับไปกลับมาเร็วยังกับพัดลม เปลี่ยนมือโยนขึ้นโยนลงอีกก็ยังได้ ทำเอาผู้คนฮือฮากันใหญ่

เบื้องหลังการถ่ายทำบอกว่า เป็นฝีมือการแสดงด้วยของจริง โดยไม่ได้ใช้อุปกรณ์พิเศษ หรือสเปเชี่ยลเอ๊ฟเฟ็คท์เข้าช่วยแต่อย่างใด

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่แน่เท่า ด๊อค ฮอลลิเดย์ ที่คว้าจอกเหล้า หน้าตาเหมือนถ้วยอลูมิเนียมมีหูด้านข้าง อย่างที่ชอบใช้กันตามร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านเราสมัยนี้ มาควงโชว์ตอบในลีลาเดียวกัน เป็นการล้อเลียนให้ผู้คนเฮฮาแทนบ้าง

วาล คิลเม่อร์ ได้ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า ดูแล้วเหมือนกับว่าควงจอกน่าจะง่ายกว่าตั้งเยอะ เพราะทั้งเล็กและเบากว่าปืนมาก 

แต่เอาเข้าจริงแล้ว ความที่น้ำหนักของถ้วยกระจายไม่เท่ากัน พอควงเร็วๆ จอกก็จะปลิวหลุดมือไปเสียก่อนทุกที 

ผลสุดท้าย ทางกองถ่ายต้องแอบเอาดินน้ำมันมาถ่วงไว้อีกข้างหนึ่ง ช่วยให้บาล้านซ์และหนักขึ้นอีกหน่อย ถึงได้เอาอยู่

เป็นอันว่า หากท่านเห็นใครมาทำท่าเก่ง ควงปืนโชว์อย่างคล่องแคล่วละก็ 

รีบๆหลบไปไกลๆห่างๆดีกว่านะครับ เดี๋ยวเกิดลั่นเลิ่นเปรี้ยงปร้างออกมา จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนไปกับเขาด้วย

ส่วนในความเป็นจริง พวกคาวบอยจะเบ่งใส่กัน ด้วยการควงปืนหรือเปล่านั้น 

ถ้าฟังจากที่ แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน และ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ว่าไว้แล้วละก็ คงไม่มีมือปืนคนไหนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ด้วยการควงปืนขู่คู่ต่อสู้ก่อน แล้วค่อยยิงหรอกนะครับ

ก็จริงอยู่บ้างว่า มือปืนและนักเลงปืนที่แท้จริง จะต้องรู้จักปืนคู่มือของตัว อย่างละเอียดถี่ถ้วนทุกแง่ทุกมุม สามารถหยิบจับใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว ในทุกรูปแบบทุกท่าทาง

แต่ทั้งหมดก็คงต้องมุ่งไปที่การต่อสู้เอาชนะ และอยู่รอดปลอดภัยไว้ก่อน มากกว่าที่จะเน้นการแสดง หรือแค่นำมาบลั๊ฟกัน โดยไม่กังวลว่า อีกฝ่ายจะไม่ยิงสวนเข้ามาเสียก่อน

ตัวอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ ก็คงหนีไม่พ้นการเล่นลูกไม้ ทำทีว่าจะส่งปืนให้ฝ่ายตรงข้าม แต่พอฝ่ายตรงข้ามตายใจก็หมุนปืนกลับมายิงใหม่ได้ วิธีนี้รู้จักกันแพร่หลายทั่วไปในหมู่คาวบอยว่า โร้ด เอเย่นต์ สปิน (Road Agent's Spin) 

ซึ่งดูแล้วก็คล้ายๆกับการควงปืนเหมือนกัน แต่ให้ผลลัพธ์แตกต่างซีเรียสกว่ากันมาก

ท่านที่อ่านคาวบอยกับปืนคู่ใจ ในตอน วายแอ็ท เอิ๊ร์ป คงจำได้ว่า เคอร์ลี่ บิล โบรเชียส หรือบิลผมลอนดาวร้ายแห่งทูมบ์สโตน ใช้ลูกไม้นี้หลอกยิงนายอำเภอ เฟร้ด ไว้ท์ ถึงตายมาแล้ว

โดยทีแรกแกล้งทำเป็นยอมแพ้ ส่งปืนให้ทางด้าม 

ข้างนายอำเภอแทนที่จะสั่งให้ทิ้งปืน กลับประมาทยื่นมือออกมาจะรับ 

บิลผมลอนก็หมุนปืนกลับง้างนกอย่างรวดเร็ว นายอำเภอยั้งมือไม่ทัน คว้าเอาปากกระบอกดึงเข้าหาตัว 

ปืนจึงลั่นโป้งเข้าใส่กลางพุงกระทิพอดี

วิธีการควงปืนแบบ โร้ด เอเย่นต์ สปิน

1.ทำทีเป็นส่งปืนในมือให้ โดยกำปืนตรงลูกโม่ คว่ำตัวปืน 

หันด้ามปืนออกจากตัว ยื่นไปข้างหน้า งอนิ้วชี้ให้เป็นตะขอ 
สอดเข้าโกร่งไกจากด้านในแล้วเกี่ยวค้างไว้

2.ปล่อยปืนที่กำไว้ให้หงายตกลงมา 

โกร่งไกก็จะแขวนอยู่กับข้อนิ้วชี้ที่งอเป็นตะขอนั้น

3.ตวัดควงปืน หมุนด้ามกลับมากำไว้ในอุ้งมือ 

ปากกระบอกก็จะหันกลับไปอยู่ด้านหน้า

 4.ง้างไกไปพร้อมๆกันด้วยนิ้วโป้ง 

ไม่ต้องถอนนิ้วชี้ออกจากโกร่งไก

5.ปืนอยู่ในตำแหน่งที่จะลั่นได้ทันที 

หากใครตามไม่ทันคว้าเข้าให้ละก็
ผลคือฆ่าตัวตายด้วยการเหนี่ยวไกปืนยิงใส่ตัวเอง

ที่จริงแล้ว ยังมีเกร็ดอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการดวลปืนอีกมากมายนะครับ รวมทั้งเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับความสามารถอันน่าพิสดารในการใช้ปืนของคาวบอยอื่นๆ ที่ยังไม่เคยกล่าวถึงไว้ในที่นี้อีกหลายคนด้วย

แต่ถ้าพูดถึงเฉพาะเรื่องกลเม็ดเด็ดพรายต่างๆ ที่เราเห็นกันบ่อยๆจนจำได้จากในหนัง แล้วชอบเก็บมาพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กัน เป็นที่สนุกสนานในระหว่างเพื่อนฝูงคอเดียวกันมากที่สุดแล้วละก็ 

คงจะไม่ห่างไกลไปจากแง่มุมต่างๆ ที่ผมจับมาปะติดปะต่อ เล่าสู่กันฟังในครั้งนี้นัก

และคงต้องกล่าวสรุปปิดท้ายไว้นิดนึงด้วยครับว่า ทุกเรื่องทุกตัวอย่างที่กล่าวถึงนั้น ล้วนเป็นความสามารถเฉพาะตัว

กรุณาอย่านำมาลองเองที่บ้านนะครับ

มาร์แชลต่อศักดิ์
มีนาคม 2545



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น