คุยเฟื่องเรื่องคาวบอย


ผมเป็นอีกคนหนึ่งครับที่โตขึ้นมาในยุคที่โทรทัศน์เพิ่งจะเข้ามามีบทบาททดแทนวิทยุในฐานะสื่อสาระและบันเทิงประจำบ้าน

ตอนผมเป็นเด็กเริ่มดูโทรทัศน์รู้เรื่องนั้น ทีวีในกรุงเทพฯยังมีแค่  2 ช่องเป็นขาวดำ และออกอากาศในวันธรรมดาตั้งแต่ประมาณ  4 หรือ 5 โมงเย็น ไปถึงเที่ยงคืนเท่านั้น เสาร์อาทิตย์เพิ่มรอบเช้า ตั้งแต่ประมาณ 10 โมง จนไปต่อรอบเย็น

รายการบันเทิงทางทีวีในสมัยนั้นก็หนีไม่พ้นหนังและละคร เช่นเดียวกับยุคทีวีสีดิจิตอล 24 ชั่วโมง พ่วงด้วยเคเบิลทีวีอีกนับสิบๆช่องอย่างสมัยนี้

ที่ต่างกันคือ ส่วนใหญ่เป็นหนังฝรั่ง มีหนังซามูไรญี่ปุ่นแซมบ้างนิดหน่อย แรกๆมีความยาวเพียงตอนละครึ่งชั่วโมง จากนั้นจึงกลายเป็น 1 ชั่วโมง และเป็นสีไปในที่สุด

หนังฝรั่งทางทีวีเมื่อผมเป็นเด็กนั้น แน่นอนครับว่าเป็นหนังคาวบอยลูกทุ่งตะวันตกเสียมาก ผมเลยขอถือโอกาสใช้เรื่องหนังนี้ รื้อฟื้นอดีตนำทางย้อนไปสู่ยุคคาวบอยเสียก่อนเป็นการอุ่นเครื่อง และเชิญชวนท่านผู้อ่านมาสนุกสนานไปกับเรื่องราวของบุคคลต่างๆในท้องเรื่อง ทั้งฝ่ายพระเอกและฝ่ายผู้ร้าย ทั้งที่เป็นเรื่องจริงและไม่จริง รวมถึงเกล็ดเล็กๆน้อยๆที่น่าสนใจในยุคคาวบอยไปด้วยพร้อมๆกัน

ผมเชื่อครับว่าหลายท่านเป็นแฟนคาวบอยก็เพราะชอบดูหนังคาวบอยมาตั้งแต่เด็กๆ และยังชอบดูการแต่งกายของพระเอก มาดเท่ห์และลีลาการต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขี่ม้ากับชักปืน

สมัยนั้นเราดูเอาความสนุกสนานบันเทิงเป็นหลัก ไม่ค่อยยึดติดกับสาระหรือข้อเท็จจริงสักเท่าไร เลยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วพระเอกและผู้ร้ายหลายๆคนที่เห็นในหนังนั้นมีตัวตนจริงอยู่ในประวัติศาสตร์ แถมยังมีที่มีชีวิตโลดโผนตื่นเต้นเร้าใจน่าติดตามยิ่งกว่าที่เห็นในหนังเสียอีก

หนังคาวบอยทางทีวีรุ่นแรกๆมักเป็นแบบฮีโร่เก่งคนเดียว หลายเรื่องอ้างอิงถึงตัวจริงในประวัติศาสตร์อย่างที่กล่าวไปแล้ว อย่างเช่นในเรื่อง วายแอ็ท เอิ๊ร์ป หรือ The Life and Legend of Wyatt Earp ที่ ฮิวจ์ โอไบรอัน (Hugh O’Brian) รับบทบาทเป็น วายแอ็ท เอิ๊ร์ป รูปร่างหน้าตาในหนังสำอางค์เกลี้ยงเกลาหล่อเฟี้ยวไม่เหมือนกับตัวจริงตามภาพถ่ายสักนิดเดียว

อีกเรื่องที่ฮิตพอๆกันคือ แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน (Bat Masterson) แสดงโดย ยีน แบรี่ (Gene Barry) ซึ่งก็หล่อแซงตัวจริงอีกเหมือนกัน แถมมีการชักดาบออกมาจากไม้เท้าประจำตัวได้ด้วย

สมัยนั้นเรื่องเหมือนไม่เหมือนดูจะไม่สำคัญนักหรอกครับ ส่วนใหญ่ต้องให้หล่อสำอางค์ไว้ก่อน แล้วก็เน้นในเรื่องของธรรมะต้องชนะอธรรม จนนายอำเภอ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป กลายเป็นฮีโร่ของคนดูที่เป็นเด็กผู้ชายกันอย่างแพร่หลาย (รวมถึงตัวผมด้วยครับ)

ส่วน แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน นั้น ในประวัติจริงเคยทำงานเป็นผู้ช่วยนายอำเภอของ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป คอยปราบปรามเหล่าร้ายที่เมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ (Dodge City) ด้วยกันมาก่อน

ต่อจากนั้น วายแอ็ท ได้ย้ายไปทำมาหากินด้วยการเปิดซาลูน (Saloon - หรือสถานบันเทิงที่มีการขายเหล้า มีการพนันและบริการเสริมอื่นๆด้วย อย่างที่ของเราสมัยนี้ต้องเรียกว่า เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ นั่นแหละครับ) อยู่ที่เมือง ทูมบ์สโตน (Tombstone) และทำหน้าที่มือกฎหมายไปพร้อมๆกัน ก็ได้ชักชวนให้แบ๊ทตามไปเป็นหุ้นส่วนด้วยอยู่ระยะหนึ่ง

มีสิ่งน่าสนใจอย่างหนึ่งเกี่ยวกับมือปืนตะวันตกสองคนนี้ที่แตกต่างไปจากมือปืนรายอื่นๆ คือทั้งคู่มีชีวิตอยู่ไปจนเลยยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งพวกเราทราบกันดีว่าตอนนั้นในอเมริกามีรถยนต์ขี่แทนม้ากันเกือบทุกแห่งหน อาวุธปืนทั้งสั้นและยาวก็มีการพัฒนารูปแบบ กลไก และเทคโนโลยีเลยไปอีกขั้นหนึ่ง

ถึงเวลานี้ทั้งคู่ตัดสินใจเลิกดวลปืนกับผู้ร้ายไปแล้ว โดย วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ในวัย 60 กว่า หันไปทำมาหากินเกี่ยวกับการค้าขายที่ดิน ก่อนขยับขยายไปทำเหมืองแร่ ตามด้วยขุดน้ำมันในรัฐแคลิฟอร์เนีย จนแก่ตายไปเมื่ออายุ 81 ปีที่เมือง ลอส แองเจลิส

ส่วน แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน นั้น หลังจากเป็นหุ้นส่วนเปิดบ่อนร่วมกับ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ที่เมืองทูมบ์สโตนอยู่พักหนึ่ง ก็แยกตัวไปทำมาหากินที่รัฐโคโลราโด กับยังรับหน้าที่มือกฎหมายด้วย

แต่ในที่สุดก็เบื่อหน่ายกับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตายอยู่ตลอดเวลา หันไปใช้ชีวิตเป็นบรรณาธิการข่าวกีฬาให้กับหนังสือพิมพ์ นิวยอร์ค มอร์นิ่ง เทเลกร๊าฟ (New York Morning Telegraph) ที่เมืองนิวยอร์คแทน และป่วยตายไปเมื่ออายุ 68

ทั้งคู่เลยกลายเป็นมือปืนตะวันตกที่ถือว่ามีอายุยืนยาวกว่าใคร เสียชีวิตลงก็เพราะโรคาพยาธิอันถือเป็นเหตุแห่งธรรมชาติ ไม่ได้ตายเพราะถูกล้างแค้น หรือถูกกำจัดโดยผู้ที่มีฝีมือเหนือกว่าเก่งกว่า

ต่างไปจากเพื่อนร่วมรุ่นรายอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่มักถึงฆาตตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 40 และตายในลักษณะที่พวกคาวบอยใช้สำนวนว่า Died with his boots on คือ ตายในขณะที่ยังใส่รองเท้า(บู๊ท)อยู่

หมายถึงเป็นไข้โป้ง ถูกคู่ปรับยิงตายตามข้างถนนบ้าง ในบาร์เหล้าหรือในบ่อนบ้างนั่นแหละครับ ไม่มีโอกาสนอนตายบนเตียงให้สบายๆหน่อยโดยไม่ต้องใส่รองเท้า

วายแอ็ท เอิ๊ร์ป นั้นถือว่าเป็นตำนานอมตะ และพระเอกตลอดกาลของผู้นิยมหนังคาวบอย หรือชื่นชอบการต่อสู้ชีวิตในแบบลูกทุ่งตะวันตก มีการนำเรื่องของมือปืนหนวดงามหนังเหนียวคงกระพันรายนี้มาทำเป็นภาพยนตร์จอเงินมากมายหลายเรื่อง บางเรื่องที่ดังมากๆก็มีฉายในบ้านเราด้วย

ผมเชื่อว่าคอหนังคาวบอยทั้งหลายคงจำเรื่อง Gunfight at OK Corral ที่นำมาฉายในเมืองไทยเมื่อสัก 60 ปีก่อน มี เบิร์ท แลงค้าสเต้อร์ (Burt Lancaster) แสดงเป็น วายแอ็ท เอิ๊ร์ป (ที่ไม่มีหนวดอีกเหมือนกัน)

หลังจากนั้นอีกราว 30 ปี ก็มีเรื่อง Tombstone เล่นโดย เคิ้ร์ท รัสเซล (Kurt Russel) เข้ามาฉาย ตามมาติดๆหลังสุดด้วยเรื่อง Wyatt Earp เล่นโดย เควิน ค้อสท์เน่อร์ (Kevin Costner) ที่ผู้สร้างคือตัว เควิน ค้อสท์เน่อร์ เองบอกว่าตั้งใจจะให้เป็นภาพยนตร์อัตตชีวประวัติของ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ที่สมบูรณ์ใกล้เคียงความจริงที่สุด

แฟนหนังคาวบอยทุกท่านคงสังเกตเห็นนะครับว่า หนังคาวบอยรุ่นหลังๆนั้น ผู้สร้างมักสนใจเรื่องรายละเอียดข้อเท็จจริงตามยุคสมัยและท้องเรื่องกันมากขึ้น

ในหนัง 2 เรื่องหลังสุดที่กล่าวถึงนี้ก็เช่นกัน ผู้สร้างพยายามแต่งหน้าแต่งตา ติดหนวดและจัดเครื่องแต่งกายให้เหมือนตัวจริงในยุคนั้นอย่างเต็มที่ รวมทั้งวิธีการพกปืน และใช้ปืนในการดวลกับเหล่าร้ายให้เหมือนจริงที่สุดด้วย

แถมยังมีแก๊กตลกให้ฮาได้อีก อย่างเช่นในเรื่อง Tombstone ที่ วาล คิลเม่อร์ (Val Kilmer) เล่นเป็น ด๊อค ฮอลลิเดย์ (Doc Holliday) หมอฟันนักพนันผู้จงรักภักดีต่อ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป มีความสามารถพิเศษคือแม่นทั้งปืนและมีด (ทั้งๆที่ป่วยเป็นวัณโรคแถมด้วยพิษสุราเรื้อรัง) แสดงลีลาควงจอกเหล้าแทนปืนเยาะเย้ยคู่ปรับคือ จอห์นนี่ ริงโก้ (Johnny Ringo) ให้ได้อึ้ง นับได้ว่าเป็นฉากคลาสสิคฉากหนึ่งทีเดียว

สำหรับ แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน นอกจากที่เป็นหนังทีวีแล้ว ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครนำไปสร้างเป็นหนังจอใหญ่มากนัก ล่าสุดเท่าที่เห็นมีโชว์ตัวอยู่หน่อยหนึ่งในเรื่อง วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ตอนทำงานเป็นผู้ช่วยอยู่ที่เมือง ด๊อดจ์ ซิตี้

ตามประวัติบอกว่า แบ๊ทเคยถูกยิงจากการดวล กระสุนเจาะเข้าที่สะโพก ทำให้ต้องถือไม้เท้าช่วยให้เดินถนัดขึ้น และใช้ฟาดกบาลเหล่าร้ายควบไปกับการใช้ปืนด้วย แต่ไม่ใช่เอาไว้ชักดาบอย่างในหนัง

หนังคาวบอยทางทีวีที่อ้างอิงตัวจริงตามประวัติศาสตร์อีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่อง เจ๊สสี เจมส์ ในเรื่อง The Legend of Jesse James มี คริส โจนส์ (Chris Jones) รับบท เจ๊สสี และ อัลเล็น เค้ส (Allen Case) เล่นเป็น แฟร้งค์ เจมส์ (Frank James) ผู้พี่ชาย

หนังพยายามวาดภาพของพี่น้องแฟร้งค์และเจ๊สสี  ในลักษณะของผู้บริสุทธิ์แต่ถูกอำนาจรัฐกลั่นแกล้ง ต้องกลายเป็นพวกนอกกฎหมายออกมาสร้างความยุติธรรมเองด้วยการปล้นคนรวยมาช่วยคนจน  

ตามความเป็นจริงแล้ว เจ๊สสี เจมส์ จะเป็นพระเอกหรือผู้ร้าย คงหาข้อยุติได้ยาก เพราะต่างไปจาก วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ที่ไม่เคยปล้นใคร มีแต่คอยไล่จับโจรปล้นม้าปล้นวัวเป็นหลัก (แต่ที่จริงก็เป็นเจ้าของบ่อนและเป็นนักพนันตัวยงคนหนึ่งนะครับ ตรงนี้น่าคิดเหมือนกัน)

ที่แน่ๆถ้าใช้ศัพท์สมัยใหม่ก็ต้องบอกว่า เจ๊สสี เจมส์ เป็นอาชญากรตามหลักนิติศาสตร์ ส่วนหลักรัฐศาสตร์ที่ทางการสมัยนั้นใช้ก็คือจับตายลูกเดียวโดยไม่ต้องรอทำประชามติหรือประชาพิจารณ์ใดๆ 

แต่เจ๊สสีกลับไม่ได้ตายด้วยมือกฎหมาย กลับตายเพราะถูกญาติทรยศชื่อ บ๊อบ ฟอร์ด (Bob Ford) แอบยิงข้างหลังเพื่อเอาเงินรางวัลค่าหัว

นหนังทั้งจอแก้วและจอเงินอื่นๆทุกเรื่อง จะพิถีพิถันกับไคลแม็กซ์ ในฉากจุดจบของ เจ๊สสี เจมส์ เป็นพิเศษ โดยเดินเรื่องตามเหตุการณ์ว่า เจ๊สสีตัดสินใจเลิกปล้นฆ่า และปลูกบ้านใหม่เตรียมใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่กับลูกเมีย วันหนึ่ง บ๊อบ ฟอร์ด ทำทีเป็นมาเยี่ยม

และแล้วในขณะที่เจ๊สสีกำลังปีนเก้าอี้แขวนรูปติดข้างฝาหันหลังให้ ก็ถูกบ๊อบยิงเข้าที่หัวอย่างเลือดเย็นโดยไม่รู้ตัว เลยต้องจบชีวิตแบบ Died with his boots on เสียตั้งแต่อายุเพิ่งจะ 35

หลังจากเจ๊สสีถูกญาติตัวเองทำวิสามัญไปแล้ว แฟร้งค์ผู้พี่ชายซึ่งเคยกอดคอกันร่วมเป็นร่วมตายในการปล้นและดวลกับพวกมือปราบด้วยกันมาตลอดก็คงจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เลยตัดสินใจเข้ามอบตัวกับทางการ

จากนั้นพอถูกพิพากษาให้รับโทษทัณฑ์ตามกฎหมาย และปล่อยตัวออกมาแล้ว ก็ไปทำงานเป็นยามเฝ้าประตูโรงละครแห่งหนึ่งในเมือง เซ็นต์หลุยส์ (St. Louis) จนถึงบั้นปลายของชีวิต

หนังเกี่ยวกับ เจ๊สสี เจมส์ ส่วนใหญ่เป็นหนังโรง สร้างออกมาหลายเวอร์ชั่นมากครับ รวมกันแล้วตั้ง 30 กว่าเรื่อง

เด่นที่สุดเรื่องหนึ่งคือ The Long Riders สร้างเมื่อประมาณ ปี ค.ศ.1982 หนังไม่ได้เน้นเรื่องของพี่น้องตระกูลเจมส์อย่างเดียว แต่เน้นบทบาทของพี่น้องตระกูลยังเก้อร์ (Younger) อันประกอบด้วย โคล (Cole) บ๊อบ (Bob) และ จิม (Jim)

สามคนนี้เป็นทั้งญาติสนิทของเจ๊สสี  ที่ออกปฏิบัติการเคียงบ่าเคียงไหล่กันตลอด จนในที่สุดคนหนึ่งตาย อีกสองคนเจ็บหนัก และที่เหลือถูกจับหลังจากการปล้นธนาคารที่ เมืองน้อร์ธฟิลด์ (Northfield) ในรัฐมินเนโซต้า เพราะพลาดท่าถูกชาวบ้านทั้งเมืองรวมกันต่อสู้อย่างเหนียวแน่น

หนังเรื่องนี้ทำเก๋อีกอย่างคือ ดารานำที่แสดงเป็นพี่น้องตระกูลยังเก้อร์ทั้งสามคน จะเป็นดาราที่เป็นพี่น้องกันจริงๆ นำโดย เดวิด แคริดีน (David Carridine - จำพระเอกเรื่องกังฟูทางช่อง 3 ได้ไหมครับ) อีก 2 คนถ้าจำไม่ผิดก็เป็นโรเบิร์ต (Robert) กับ คีธ (Kieth) ส่วนดาราที่เล่นเป็นเจ๊สสี  กับ แฟร้งค์ เจมส์ ก็เป็นพี่น้องกันจริงๆอีก ได้แก่เจมส์ กับ สเตซี่ คี้ช (Stacy Keach)

หนังทีวียุคต่อๆมาเริ่มเปลี่ยนเป็นใช้วิธีปั้นตัวพระเอกขึ้นมาเอง โดยอิงความเกี่ยวข้องกับบุคคลในยุคนั้น

เช่นเรื่อง Colt .45 นำแสดงโดย เวด เพร้สตั้น (Wayde Preston) ในบทบาทหลานของ แซมมวล โค้ลท์ (Samuel Colt) ผู้ผลิตปืนลูกโม่ยอดนิยมในสมัยนั้น ที่ฉากหน้าเป็นเซลส์แมนตระเวนไปทั่วดินแดนตะวันตกเพื่อขายปืนโค้ลท์ แต่ฉากหลังเป็นสายลับรัฐบาลคอยกำจัดพวกอิทธิพล

บางเรื่องก็ปั้นพระเอกขึ้นมาเองโดยไม่อ้างอิงถึงใครทั้งสิ้น เช่นเรื่อง Have Gun Will Travel แสดงโดย ริชาร์ด บูน (Richard Boone) ในบทพาลาดิน (Paladin) นักสืบเอกชนที่ปกติพักโรงแรมใช้ชีวิตหรูหราอยู่ในซานฟรานซิสโก แต่รับสืบคดีความทั่วราชอาณาจักรในดินแดนที่ยังต้องตัดสินปัญหากันด้วยปืน ทุกครั้งที่ออกปฏิบัติการจะต้องแต่งชุดคาวบอยสีดำทั้งชุด (ไม่รู้ว่าได้ความคิดไปจากเรื่องเสือใบกับโจรเชิ้ตดำของเราหรือเปล่า) 

แล้วก็ยังมีเรื่อง Gunsmoke หรือ ควันปืน มี เจมส์ อาร์เน้ส (James Arness) เล่นเป็นนายอำเภอ  แม็ท ดิลล่อน (Matt Dillon) แห่งเมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ (ที่ไม่เคยเจอะเจอกับ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป เลยทั้งๆที่อยู่เมืองเดียวกัน)

หนังเรื่องนี้ฮิตติดเรทติ้งทางทีวีและทำสถิติหนังทีวีที่ฉายหลายตอนติดต่อกันนานที่สุดในอเมริกา จนมีการนำชื่อหนังไปตั้งเป็นชื่อถนนสายสำคัญในเมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ (ทุกวันนี้ยังมีอยู่จริง) ว่า ถนนกันสโม้ค (Gunsmoke Boulevard) หลังจากมีถนนวายแอ็ท เอิ๊ร์ป (Wyatt Earp Boulevard) และ ถนนม้าสเตอร์สัน (Masterson Street) อยู่ก่อนแล้ว

หลายเรื่องมีการนำมาสร้างใหม่อีกครับ อย่างเช่น มาเวอริค (Maverick) มือปืนนักเล่นไพ่โป๊กเกอร์ไหวพริบดีที่ไม่ชอบการดวลปืนหากไม่จำเป็น ซึ่งเมื่อราว 30 ปีก่อนก็สร้างเป็นหนังใหญ่โดย เมล กิ๊บสัน (Mel Gibson) เล่นเป็นมาเวอริค  ส่วน เจมส์ การ์เนอร์ (James Garner) ที่เป็นมาเวอริคตัวจริงในยุคทีวี ข้ามไปเล่นเป็นพ่อของ Maverick แทน


อีกเรื่องหนึ่งที่เพิ่งเอามาทำใหม่ไม่นานนี้เอง คือ The Wild Wild West ซึ่งเรื่องเดิมทางทีวีนั้นก็สร้างเป็นหนังคาวบอยในบรรยากาศแบบ เจมส์ บอนด์ กึ่งแฟนตาซีอยู่แล้ว ต่างกันที่ตัวพระเอก จิม เว้สท์ (Jim West) สมัยทีวีเป็นคนขาวเล่นโดย โรเบิร์ท คอนราด (Robert Conrad) ซึ่งก็บู๊พอๆกัน แต่ยังไม่ตลกร้ายเท่า วิล สมิท (Wil Smith)

หนังบางเรื่องก็เน้นจุดขายนอกเหนือไปจากตัวพระเอก ด้วยการแต่งเติมเพิ่มสีสัน (หรือโม้นั่นแหละครับ) เกี่ยวกับปืนคู่ใจหรือฝีมือการยิงปืนของพระเอกเข้าไป ให้ดูแล้วมันส์ในอารมณ์มากขึ้นไปอีก

อย่างเช่นเรื่อง Wanted Dead or Alive หรือในภาษาไทยว่า จับเป็นจับตาย (แต่ส่วนใหญ่จะจำได้ในชื่อไอ้ปืนโต) ที่พระเอกคือ สตีฟ แม็คควีน (Steve McQueen) รับบท จ๊อช แรนดอล (Josh Randall) นักล่าเงินรางวัลที่พกปืนวินเชสเตอร์คานเหวี่ยงตัดลำกล้องตัดพานทายออกติดเอวไว้ใช้แทนปืนสั้น

อีกเรื่องคือ The Rifleman ในภาษาไทยว่าสุภาพบุรุษปืนยาว พระเอกคือ ชัค คอนเน่อร์ (Chuck Conners) เล่นเป็น ลูคัส แม็คเคน (Lucus McCain) ชาวไร่ผู้เป็นพ่อหม้ายลูกติด รัวปืนวินเชสเตอร์คานเหวี่ยงยิงกับเหล่าร้ายได้เร็วยังกับยิงปืนกล

นอกจากนี้ยังมีหนังอีกหลายเรื่องที่ทำตามๆกันออกมา เป็นเรื่องราวของครอบครัวใหญ่กับการผจญภัยในทุ่งกว้าง อย่างเรื่อง The Virginian เรื่อง The High Chaperral  เรื่อง The Big Valley

แต่เรื่องที่ฮิตที่สุดและดังไปจนถึงอำเภอปากช่องทุกวันนี้คงจะหนีไม่พ้นเรื่องโบนันซ่า (Bonanza) นะครับ เพลงไตเติ้ลยังติดหูอยู่จนทุกวันนี้

และอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่พูดถึงเลยคงจะไม่ได้ก็คือเรื่อง รอว์ไฮด์ (Rawhide) จำได้ไหมครับ เสียงแซ่ เสียงฝูงวัว โรลลิ่ง โรลลิ่ง โรลลิ่ง แล้วก็ คลิ้นท์ อี๊สท์วู้ด (Clint Eastwood) ตอนนั้นเพิ่งจะเล่นหนังคาวบอยเป็นครั้งแรกยังรับบทเป็นลูกหาบอยู่เลย แต่ก็เริ่มฉายแววให้เห็นแล้วว่าต่อไปจะต้องดังแน่

มีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้พูดถึงนะครับ จำไม่ได้เลยบ้าง จำได้ลางๆบ้าง หลายท่านอาจจะนึกออกหรือจำได้มากกว่าที่ผมเล่าเสียอีก แต่มาถึงตรงนี้ก็คิดว่าบรรยายมามากพอแล้ว

ในตอนต่อไป ผมจะเริ่มคุยแบบเจาะลึกถึงชีวิตจริงและบทบาทของคาวบอยคนดังเหล่านี้ ที่ปรากฏอยู่ตามหลักฐานในดินแดนตะวันตกของสหรัฐอเมริกา อันถือว่าเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนเมื่อร้อยกว่าปีก่อน แถมด้วยฝีไม้ลายมือในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด จนทำให้ตัวเองกลายเป็นตำนานโด่งดังกันมาจนทุกวันนี้

อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั่นแหละครับว่า ชีวิตจริงของพวกคาวบอยเหล่านี้ โลดโผนตื่นเต้น และมีสีสันกว่าที่มาทำเป็นหนังเสียอีก จะขนาดไหนนั้นโปรดอย่าลืมติดตามนะครับ

มาร์แชลต่อศักดิ์
เมษายน 2544 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น