หนังที่ทำให้ จอห์น เวย์น แจ้งเกิด กลายเป็นดาวรุ่งแห่งวงการหนังคาวบอย
กำกับการแสดงโดย จอห์น ฟอร์ด
ผมขอเปิดรายการด้วยเรื่อง STAGECOACH นี้ก่อนเลยนะครับ เอาใจแฟนๆของ จอห์น เวย์น ดาราหนังคาวบอยชื่อดังในอดีต ที่เชื่อว่ายังมีอยู่อีกมากมายหลายท่าน
ผมขอเปิดรายการด้วยเรื่อง STAGECOACH นี้ก่อนเลยนะครับ เอาใจแฟนๆของ จอห์น เวย์น ดาราหนังคาวบอยชื่อดังในอดีต ที่เชื่อว่ายังมีอยู่อีกมากมายหลายท่าน
บางท่านคงจะเคยดูแล้ว แต่เชื่อว่าอีกหลายท่านก็คงยังไม่เคยนะครับ เนื่องจากความเก่าของหนังที่สร้างไว้ตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2482 อันเป็นระยะเวลาของการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 พอดี
(ผมเองก็เกิดไม่ทันพอที่จะรู้ว่าเคยมาฉายตามโรงหนังในบ้านเราหรือเปล่า)
ตัวผมนั้นได้มีโอกาสดูครั้งแรก ก็ทางทีวีต่างประเทศครับ ด้วยความที่เคยได้ยินว่า จอห์น เวย์น
แจ้งเกิดมาจากหนังเรื่องนี้ ก็เลยต้องดูเสียหน่อย
นอกจากนั้นแล้ว
ชื่อของ จอห์น ฟอร์ด ยังเป็นแรงจูงใจประกอบ
เนื่องจากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังคนหนึ่งของฮอลลีวู้ด
ที่มีชื่อเสียงและผลงานเด่นดังจำนวนมากติดต่อกันถึง 4 ทศวรรษ คือตั้งแต่ยุค 30’s จนถึง 60’s
STAGECOACH
เป็นหนังคาวบอยที่ถูกจัดอันดับว่าเป็นหนึ่งในคลาสสิคของฮอลลีวู้ด
และเป็นครั้งแรกที่ จอห์น ฟอร์ด ร่วมงานกับ จอห์น เวย์น (ก่อนหน้านี้ จอห์น ฟอร์ด
ทำหนังคาวบอยมาแล้วสองสามเรื่อง ส่วน จอห์น เวย์น เล่นหนังคาวบอยมาแล้วร่วม 70
เรื่อง แต่ยังไม่ดัง)
หลังจากนี้แล้ว เมื่อไรก็ตามที่ทั้งสองกลับมาร่วมงานกันอีก หนังเรื่องนั้นจะต้องดังระเบิดเถิดเทิงเป็นทุกครั้งไป สมัยผมยังเด็กๆเคยได้ยินญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่งถึงกับเอ่ยปากว่า หนังคาวบอยเรื่องไหนถ้าไม่ใช่ จอห์น เวย์น แสดงนำ กำกับโดย จอห์น ฟอร์ด ละก็ ไม่ต้องเสียเวลาไปดู
ความเป็นคลาสสิคของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ว่า ไม่ได้มีแต่การขี่ม้ายิงปืนไล่ล่าหรือแก้แค้นกัน อย่างที่หนังคาวบอยยุคก่อนหน้านั้นมักจะใช้เป็นสูตรสำเร็จ แต่เน้นการนำเสนอเรื่องราวของผู้คนต่างเพศต่างวัยต่างอาชีพ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังและอุปนิสัยใจคอแตกต่างกัน 9 คน ที่ชะตากรรมพาให้มาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากร่วมกัน
คือ ต้องโดยสารรถม้าไปบนเส้นทางที่รู้แน่ว่า จะต้องถูกอินเดียนแดงรุมกินโต๊ะถลกหนังหัว โดยไม่มีทางเลือกอย่างอื่น
เมื่อถึงฉากสำคัญ คืออินเดียนบุกโจมตีแล้ว หนังก็จะหลอกล่อให้ผู้ชมคาดคิดไปเองว่า แต่ละคนจะแสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมาอย่างไร และจะตายหรือรอดไปได้อย่างไร จากนั้นจึงค่อยเฉลยคำตอบ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีฉากแอ็คชั่นมันๆเสียเลยนะครับ ตรงกันข้ามกลับมีช็อตเด็ดๆที่หนังยุคหลังๆเอาไปทำตามอย่างไม่น้อย
อย่างเช่นอินเดียนแดงกระโดดขึ้นไปแย่งบังคับม้าเทียมรถที่กำลังห้อเต็มเหยียด แล้วถูกยิงตกลงไป ถูกม้าลากถูลู่ถูกังไปกับพื้นด้วยความเร็วสูง ก่อนที่ทั้งม้าและรถวิ่งจะคร่อมข้ามไปอย่างเฉียดฉิว
ว่ากันว่า อินเดียน่า โจนส์ ในเรื่อง RAIDERS OF THE LOST ARK ก็ลอกมุขนี้ไปใช้ในฉากที่แย่งรถบรรทุกกับทหารเยอรมัน
กับอีกฉากตอนที่ จอห์น เวย์น ยืนดักรอรถม้า แล้วควงปืนวินเชสเตอร์โกร่งใหญ่ขึ้นลำขวับด้วยมือข้างเดียวเป็นการส่งสัญญาณให้หยุดรถ ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของ จอห์น เวย์น ในหนังเรื่องต่อๆมาอีกแทบจะทุกเรื่อง
และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ฉากฝูงอินเดียนแดนรุมไล่โจมตี และการยิงต่อสู้กันอย่างดุเดือดระหว่างรถม้ากับอินเดียนแดงที่ความเร็วสูง ใช่ครับเสร็จแล้วก็ต้องมีทหารม้าเป็นฮีโร่มาปราบอินเดียนแดงอีกที ถึงจะครบสูตรหนังคาวบอยในยุคนั้น
สำหรับท่านที่นิยมเสียงเพลงสไตล์คาวบอยและโฟล์คซองรุ่นเก่าๆ (มาก) คงจะจำทำนองเพลงประกอบได้ทันทีเลยนะครับ ที่เด่นมากก็จะมีเพลง CARRY MEBACK TO THE LONE PRARIE กับเพลง JEANNIE WITH THE LIGHTBROWN HAIR ให้ได้ยินเกือบจะตลอดเรื่อง
อ้อ! ที่ต้องบอกเป็นอย่างสุดท้ายกันลืมก็คือ หนังยังเป็นขาวดำอยู่นะครับ และยังเป็นยุคแรกๆของหนังพูดได้ด้วย ดังนั้นเทคนิคเรื่องแสงสีเสียงบอกได้เลยครับว่าอย่าคาดหวังอะไรมาก (จริงๆแล้วคือไม่ต้องคาดหวังอะไรเลย) เน้นกันที่งานฝีมือศิลปะล้วนๆ
แต่สำหรับท่านที่ต้องการสะสม ผมคิดว่าไม่น่าพลาดครับ
มาร์แชลต่อศักดิ์
สิงหาคม 2548
หลังจากนี้แล้ว เมื่อไรก็ตามที่ทั้งสองกลับมาร่วมงานกันอีก หนังเรื่องนั้นจะต้องดังระเบิดเถิดเทิงเป็นทุกครั้งไป สมัยผมยังเด็กๆเคยได้ยินญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่งถึงกับเอ่ยปากว่า หนังคาวบอยเรื่องไหนถ้าไม่ใช่ จอห์น เวย์น แสดงนำ กำกับโดย จอห์น ฟอร์ด ละก็ ไม่ต้องเสียเวลาไปดู
ความเป็นคลาสสิคของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ว่า ไม่ได้มีแต่การขี่ม้ายิงปืนไล่ล่าหรือแก้แค้นกัน อย่างที่หนังคาวบอยยุคก่อนหน้านั้นมักจะใช้เป็นสูตรสำเร็จ แต่เน้นการนำเสนอเรื่องราวของผู้คนต่างเพศต่างวัยต่างอาชีพ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังและอุปนิสัยใจคอแตกต่างกัน 9 คน ที่ชะตากรรมพาให้มาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากร่วมกัน
คือ ต้องโดยสารรถม้าไปบนเส้นทางที่รู้แน่ว่า จะต้องถูกอินเดียนแดงรุมกินโต๊ะถลกหนังหัว โดยไม่มีทางเลือกอย่างอื่น
เมื่อถึงฉากสำคัญ คืออินเดียนบุกโจมตีแล้ว หนังก็จะหลอกล่อให้ผู้ชมคาดคิดไปเองว่า แต่ละคนจะแสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมาอย่างไร และจะตายหรือรอดไปได้อย่างไร จากนั้นจึงค่อยเฉลยคำตอบ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีฉากแอ็คชั่นมันๆเสียเลยนะครับ ตรงกันข้ามกลับมีช็อตเด็ดๆที่หนังยุคหลังๆเอาไปทำตามอย่างไม่น้อย
อย่างเช่นอินเดียนแดงกระโดดขึ้นไปแย่งบังคับม้าเทียมรถที่กำลังห้อเต็มเหยียด แล้วถูกยิงตกลงไป ถูกม้าลากถูลู่ถูกังไปกับพื้นด้วยความเร็วสูง ก่อนที่ทั้งม้าและรถวิ่งจะคร่อมข้ามไปอย่างเฉียดฉิว
ว่ากันว่า อินเดียน่า โจนส์ ในเรื่อง RAIDERS OF THE LOST ARK ก็ลอกมุขนี้ไปใช้ในฉากที่แย่งรถบรรทุกกับทหารเยอรมัน
กับอีกฉากตอนที่ จอห์น เวย์น ยืนดักรอรถม้า แล้วควงปืนวินเชสเตอร์โกร่งใหญ่ขึ้นลำขวับด้วยมือข้างเดียวเป็นการส่งสัญญาณให้หยุดรถ ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของ จอห์น เวย์น ในหนังเรื่องต่อๆมาอีกแทบจะทุกเรื่อง
และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ฉากฝูงอินเดียนแดนรุมไล่โจมตี และการยิงต่อสู้กันอย่างดุเดือดระหว่างรถม้ากับอินเดียนแดงที่ความเร็วสูง ใช่ครับเสร็จแล้วก็ต้องมีทหารม้าเป็นฮีโร่มาปราบอินเดียนแดงอีกที ถึงจะครบสูตรหนังคาวบอยในยุคนั้น
สำหรับท่านที่นิยมเสียงเพลงสไตล์คาวบอยและโฟล์คซองรุ่นเก่าๆ (มาก) คงจะจำทำนองเพลงประกอบได้ทันทีเลยนะครับ ที่เด่นมากก็จะมีเพลง CARRY MEBACK TO THE LONE PRARIE กับเพลง JEANNIE WITH THE LIGHTBROWN HAIR ให้ได้ยินเกือบจะตลอดเรื่อง
อ้อ! ที่ต้องบอกเป็นอย่างสุดท้ายกันลืมก็คือ หนังยังเป็นขาวดำอยู่นะครับ และยังเป็นยุคแรกๆของหนังพูดได้ด้วย ดังนั้นเทคนิคเรื่องแสงสีเสียงบอกได้เลยครับว่าอย่าคาดหวังอะไรมาก (จริงๆแล้วคือไม่ต้องคาดหวังอะไรเลย) เน้นกันที่งานฝีมือศิลปะล้วนๆ
แต่สำหรับท่านที่ต้องการสะสม ผมคิดว่าไม่น่าพลาดครับ
มาร์แชลต่อศักดิ์
สิงหาคม 2548