อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อกัปตันเรือเดินสมุทรต้องโคจรมาอยู่ในทุ่งกว้างกลางดงคาวบอย
นำแสดงโดย เกรเกอรี่ เป๊ค, ชาร์ลตั้น
เฮ้สตั้น
กำกับการแสดงโดย วิลเลี่ยม ไวเล่อร์
หากถามว่า
หนังคาวบอยเรื่องไหนใช้เพลงบรรเลงดังกระหึ่มเร้าใจ
ท่วงทำนองติดหูจำกันได้มากที่สุด พวกเราส่วนใหญ่คงนึกถึง เจ็ดสิงห์แดนเสือ หรือ THE
MAGNIFICENT SEVEN เป็นเรื่องแรกเลยใช่ไหมครับ
ผมเองก็เป็นแฟนเจ็ดสิงห์แดนเสือเหมือนกัน
แต่ขอเลือกคำตอบสุดท้ายเป็น THE BIG COUNTRY เรื่องนี้แทนครับ
เพราะนอกจากทำนองเพลงหลักจะติดหูไม่แพ้กันแล้ว
ผู้แต่งคือ เจเรมี่ โมรอสส์ ยังแต่งท่อนแยกที่ฟังได้อย่างเพลิดเพลินอีกหลายท่อน
สอดคล้องกับจังหวะและอารมณ์หลากหลายของเหตุการณ์ในท้องเรื่อง ที่มีทั้งรัก โศก บู๊
ตลก เคร่งเครียด ตื่นเต้น ฯลฯ
เมื่อรวบรวมเข้าด้วยกันแล้ว
ยิ่งใหญ่เทียบได้กับอุปรากรหรือละครเวทีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียวครับ
และนอกเหนือไปจากเพลงแล้ว
องค์ประกอบอื่นๆก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน เหตุเพราะเป็นหนังฟอร์มใหญ่
จึงต้องใช้สถานที่ถ่ายทำบนท้องทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลสมกับชื่อเรื่อง
มองเห็นฉากหลังทอดออกไปไกลแทบไม่มีสิ้นสุด มีดารานำแสดงชั้นนำหลายคน มีแอ๊คชั่น
มุมกล้อง บทหนังและการดำเนินเรื่องที่ชวนติดตามและไม่ยอมให้ผู้ดูคาดเดาได้ง่ายๆว่าจะลงเอยอย่างไร
ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การกำกับของ
วิลเลี่ยม ไวเล่อร์ ผู้กำกับชั้นนำของฮอลลีวู้ดอีกคนหนึ่ง
ผู้มีชื่อเสียงเป็นรองก็แต่เพียง จอห์น ฟอร์ด เท่านั้นเองครับ
โครงหลักของเรื่องว่าด้วยความขัดแย้งระหว่างผู้นำคาวบอยอาวุโสสองตระกูล
ที่มีนิสัยเอาแต่ใจตัว และต้องการฮุบเอาแหล่งน้ำสำหรับเลี้ยงฝูงปศุสัตว์ขนาดใหญ่
ซึ่งมีอยู่เพียงแห่งเดียวมาเป็นของตน
กับพระเอกผู้เป็นคนต่างถิ่นแต่ต้องเข้ามาพัวพันกับความขัดแย้งนี้โดยไม่ตั้งใจ
ในขณะที่ผู้คนรอบข้างต่างยึดถือวิถีคาวบอยตะวันตก คือนิยมความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว แต่ก็ก้าวร้าวและชอบตอบโต้กันด้วยกำลัง พระเอกผู้เป็นชาวตะวันออกและเป็นอดีตกัปตันเรือเดินสมุทร กลับเห็นว่า ทุกอย่างสามารถเจรจาและแบ่งปันกันได้ และเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
ก็เลยถูกมองว่าเป็นพวกขี้ขลาดอ่อนแอ
แถมตัวเองเป็นคนไม่ชอบโชว์ ทั้งๆที่ก็มีดีเหมือนกัน
ทำให้ยิ่งถูกพวกคาวบอยดูแคลนหนักเข้าไปอีก
ผู้ชมจึงต้องคอยลุ้นกันแต่แรกว่า
พระเอกจะอยู่รอดในดงนักเลงได้หรือไม่ และทำอย่างไรพวกคาวบอยจึงจะเข้าใจได้ว่า
คนมีฝีมือนั้นไม่จำเป็นต้องจัดแสดงนิทรรศการผลงาน
หรือต้องโฆษณาประชาสัมพันธ์กันหรอก (ดูจะขัดกับค่านิยมสมัยนี้อยู่เหมือนกันนะครับ)
กับท้ายที่สุด
พระเอกจะสามารถจัดการให้ผู้อาวุโสทั้งสองเลิกใช้ความรุนแรง
หันมาเจรจาสงบศึกด้วยสันติวิธีได้อย่างไร
ฉากหลักๆที่น่าดู นอกเหนือไปจากฉากท้องทุ่งอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เห็นผู้คน รถรา บ้านเรือนเล็กนิดเดียวแล้ว ก็มีฉากพระเอกขี่ม้าพยศจอมกวน ถูกม้าดีดตกแป้กลงมาหลายหน (ดูดีๆจะเห็นว่าม้าแสดงได้เก่งกว่าพระเอก)
มีฉากพระเอกวางมวยกับหัวหน้าคาวบอย
ตั้งแต่ดึกจนเกือบฟ้าสาง พิสูจน์ว่าใครจะอึดกว่ากัน (ลองทายดูนะครับว่าใครชนะ)
มีฉากดวลปืนคาบศิลาระหว่างพระเอกกับผู้ร้าย
ตามประเพณีดั้งเดิมแบบสุภาพบุรุษ ที่ต้องหันหลังนับก้าวเดินออกจากกันก่อน
แล้วค่อยหันกลับมายิง (อันนี้บอกใบ้ครับว่าไม่มีใครชนะ
แต่ต้องเดาต่อว่าแล้วจบยังไง)
แต่ที่ติดตาผมที่สุดคือ
ฉากลูกน้องผู้ร้ายโชว์กายกรรมแบบคาวบอยบนหลังม้าที่กำลังควบเต็มที่
มีหมุนตัวกลับหลังกลับหน้า แล้วเลื่อนตัวถอยหลังมาจนถึงก้นม้า
หลุดตกท้ายม้าลงมาวิ่งกับพื้น แล้วโดดกลับขึ้นไปกลางหลังได้อีก ดูแล้วน่าทึ่งมากครับ
และหากท่านเห็นหน้าผู้ร้ายแล้วรู้สึกคุ้นๆละก็
ใช่แล้วครับเขาคือ ชัค คอนเน่อร์ ผู้เล่นเป็นสุภาพบุรุษปืนยาวในทีวีนั่นเอง
ส่วนพระเอก
แกงกะหรี่เป็ด (เรียกตามอย่างคุณหญิงวาด ในนิยายชุดสามเกลอ หรือ พล นิกร กิมหงวน)
ทุกท่านคงจำได้ดีจากเรื่อง ขุมทองแม็คเค็นน่า (เล่นเรื่องนี้ยังหนุ่มแน่นกว่ามาก)
ข้าง
ชาร์ลตั้น เฮ้สตั้น นั้น เล่นบทรองเป็นหัวหน้าคาวบอย ก่อนจะไปเล่นเป็น เบ็น เฮอร์
ในหนังเรื่องต่อไปของผู้กำกับคนเดียวกัน
ถึงแม้เนื้อเรื่องโดยรวมดูจะไม่ค่อยนับถือวิถีคาวบอยนัก
แต่ THE
BIG COUNTRY ก็จัดได้ว่าเป็นหนังคาวบอยชั้นดีมีคุณภาพ
ได้ทั้งความสนุกและแง่มุมชวนคิด
ข้อสำคัญคือ
เพลงเพราะทุกเพลงตั้งแต่ต้นจนจบครับ
เป็นอีกเรื่องที่ท่านไม่ควรพลาดนะครับ
มาร์แชลต่อศักดิ์
ตุลาคม 2549