TOMBSTONE (ค.ศ.1993) vs WYATT EARP (ค.ศ.1994)

ตอกย้ำความเป็นอมตะมือปืนผู้คงกระพัน
 
TOMBSTONE  
นำแสดงโดย:  เคิร์ท รัสเซลล์, วาล คิลเม่อร์       
กำกับการแสดงโดย: จอร์จ พี. คอสมาโตส
 
WYATT EARP
นำแสดงโดย: เควิน คอสท์เนอร์,เดนิส เควด     
กำกับการแสดงโดย: ลอว์เรนซ์ คาสดัน

หนนี้มาแบบสองเรื่องควบเลยนะครับ ที่จริงไม่ต้องแนะนำก็ได้ เชื่อว่าแฟนคาวบอยชาว TOD ต้องเคยดูกันมาแล้ว

เนื้อหาก็ไม่บรรยายละครับ เพราะสามารถอ่านเอาเรื่องได้สบายจากคาวบอยกับปืนคู่ใจ ผมขอเพียงเปรียบเทียบความแตกต่าง กับชอบอะไรมากกว่ากัน แค่นั้นนะครับ

คงไม่บ่อยนัก หรืออาจจะไม่เคยเลยก็ได้ ที่ฮอลลีวู้ดจะปล่อยหนังสองเรื่อง ที่มีเนื้อหาเดียวกัน ออกมาเกือบจะพร้อมๆกัน แถมเป็นหนังคาวบอยเสียด้วย
 
ทั้งๆที่นักวิจารณ์ร่วมสมัย ต่างฟันธงว่า ตลาดหนังคาวบอยตายสนิท ไม่มีวันจะกลับมาเกิดใหม่อีกแล้ว

แต่ผมว่า คงเป็นเพราะความสำเร็จของหนังเรื่อง DANCES WITH WOLVES ของ เควิน คอสท์เน่อร์ เมื่อปี ค.ศ. 1990 กับ UNFORGIVEN ของ คลิ้นท์ อีสท์วู้ด ในอีก 2 ปีถัดมา (ตุ๊กตาทองหลายรางวัลทั้ง 2 เรื่อง) นั่นแหละครับ ที่ทำให้หนังคาวบอยกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง จนหลายๆคนคิดว่า น่าจะมีโอกาสกลับมายิ่งใหญ่ได้อีก

หนึ่งในนั้นก็คือ เควิน คอสท์เน่อร์ เอง ที่มีใจรักหนังคาวบอยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พร้อมๆกันนั้น ก็มีกลุ่มผู้สร้างหนังรุ่นใหม่อีกพวกหนึ่ง อยากจะสร้างหนังคาวบอยดูบ้าง
 
และจะเป็นเพราะความบังเอิญหรือไม่ก็ตาม ทั้ง 2 ฝ่ายต่างเชื่อว่า เรื่องราวของ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป และการดวลที่ โอเค คระราล น่าจะนำมาปัดฝุ่นขายใหม่ได้ไม่ยาก (เพราะในอดีตมีสร้างมาแล้วหลายเวอร์ชั่น และขายดีทุกครั้ง)

ความต่างก็คือ เควิน คอสท์เน่อร์ ตั้งใจจะสร้างหนังฟอร์มใหญ่แบบมหากาพย์ ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้นไปกว่า DANCES WITH WOLVES และเห็นว่า การเสนอเรื่องราวของ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ จะเหมาะสมที่สุด
 
ในขณะที่ผู้สร้างอีกชุดหนึ่งกลับเห็นว่า แค่นำการดวลที่ โอเค คระราล มาแต่งเติมเพิ่มสีสัน ให้ตรงกับรสนิยมคนรุ่นใหม่เสียหน่อย ก็ขายได้(อีก)แล้ว

ดังนั้น ทั้งรูปแบบและสาระจึงออกมาไม่เหมือนกัน นั่นคือ เรื่องทูมบ์สโตนจะออกไปทางแฟนซีมีลูกเล่นมากมาย ส่วน วายแอ็ท เอิ๊ร์ป จะออกจริงจังไม่ค่อยมีลูกเล่นนัก

เปรียบเทียบแล้ว เรื่องหนึ่งเหมือนอ่านนิยาย อีกเรื่องหนึ่งเหมือนอ่านสารคดี
 
หากท่านติดตามเนื้อเรื่องในหนังอย่างละเอียด แล้วนำมาเปรียบเทียบกับที่ผมเคยค้นมาเขียนไว้ในคาวบอยกับปืนคู่ใจ ก็จะสังเกตได้ครับว่า ในหนังทูมบ์สโตนนั้น หลายๆเหตุการณ์ สถานที่  เวลา และบุคคล จะไม่ค่อยตรงกับหลักฐานนัก
 
ไม่เหมือนกับในหนัง วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ที่พยายามเก็บรายละเอียดข้อเท็จจริง เกือบจะตรงทุกอย่าง แม้แต่คำพูดคำจาหลายๆประโยค ก็ไปลอกมาจากหนังสือพิมพ์ และบันทึกของทางราชการโดยตรง

หรือแม้แต่ในบางฉาก ที่ไม่เกี่ยวข้องกับวายแอ็ทตรงๆ ก็ยังอุตส่าห์เอ่ยถึง อย่างเช่น ตอนที่ด๊อคกับเค้ทจมูกโตเดินทางมาถึงเมือง ด๊อดจ์ ซิตี้ ไงครับ ต้องมีการพูดถึงเรื่อง แบ๊ท ม้าสเตอร์สัน ยิงหมู่คิงตายที่เมืองสวี้ทวอเท่อร์ และการตายของ มอลลี่ เบร็นแนน ด้วย

ต้องถือว่าตั้งใจมากๆเลยครับ

หันมาฟังบทพูด และดูมาดของตัวละครแต่ละคนในเรื่องทูมบ์สโตน ก็จะพบการเล่นคำสำนวนและลีลามากครับ โดยเฉพาะบทของ วาล คิลเม่อร์ ผู้แสดงเป็น ด๊อค ฮอลลิเดย์ ที่เน้นความเป็นพวกผู้ดีมีระดับเป็นพิเศษ

 
ต่างจากในเรื่อง วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ที่ เดนนิส เควด ลงทุนลดน้ำหนักตัวเองให้ผอมลงเกือบ 20 กิโล ตีบทแตกเล่นเป็นด๊อคจอมขี้โรคอารมณ์ร้ายได้สะใจจริงๆ (ไม่เชื่อลองดูเวลาไอนะครับ ผมเองยังอดเอาใจช่วยไม่ได้)


ในส่วนบุคลิกของวายแอ็ทเองก็เช่นกันครับ บทของ เคิร์ท รัสเซล ออกจะช่างพูด และดูเป็นกันเองไปหน่อย ผมว่าบทของ เควิน คอสท์เน่อร์ ที่ขรึมและซีเรียส ออกอารมณ์ด้วยการกระทำ มากกว่าสีหน้าหรือคำพูด น่าจะเหมือนตัวจริงของวายแอ็ทมากกว่า

ตรงกันข้าม ถ้าเปรียบเทียบบุคลิกของเวอร์จิล พี่ชายของวายแอ็ทที่ถูกยิงแขนเสียไปข้างหนึ่ง อันนี้ผมกลับว่า แซม อิลเลียต ในเรื่องทูมบ์สโตน เล่นได้ใกล้เคียงกับเวอร์จิลตัวจริงมากกว่า คือเนิบๆ แต่หนักแน่น และดูผึ่งผาย ตามแบบฉบับของมือปราบอาวุโส ที่ใครๆให้ความเกรงใจนับถือ

เรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว ก็แตกต่างกันเห็นได้ชัดครับ ในเรื่องทูมบ์สโตนนั้น ออกจะเป็นแฟชั่นโชว์มากเลย ไม่ว่าพระเอกหรือผู้ร้าย อย่างพวกแก๊งแคลนตั้นคาดผ้าแดงนั้น รู้สึกจะเกินจริงไปหน่อย
 
แต่พอกลับมาดูเรื่อง วายแอ็ท เอิ๊ร์ป แล้ว ผมว่าพวกแคลนตันดูออกจะปอนๆเกินไปนิดเหมือนกัน ทั้งๆที่ก็เป็นพวกมีสตังค์

ตรงนี้มีเกร็ดเล่าว่า ผู้กำกับของเรื่องทูมบ์สโตน ต้องการให้ ด๊อค ฮอลลิเดย์ ใส่เสื้อผ้าทอขนสัตว์ประเภทผ้าวูลทั้งตัว จะได้ดูมีสไตล์แบบสุภาพบุรุษชาวใต้ ทั้งๆที่อุณหภูมิขณะถ่ายทำร้อนกว่า 40 องศา
 
จน วาล คิลเม่อร์ ผู้แสดงบอกว่า อย่างงี้นี่เอง ด๊อคถึงต้องบ้าคลั่งอาละวาด เพราะใครจะไปทนร้อนอึดอัดขนาดนั้นไหว

ข้างฉากบู๊ก็ไม่เบาครับ โดยเฉพาะการยิงกันที่ โอเค คระราล นั้น ต้องยอมรับว่า เรื่องทูมบ์สโตนทำได้มันสะใจกว่าเยอะ หากท่านไม่ติดใจ มานึกออกตอนหลังนะครับว่า ทำไมปืนหกนัดของด๊อค ถึงยิงได้กว่าสิบนัดติดต่อกัน โดยไม่ต้องบรรจุใหม่
 
เรื่องมุมกล้องและการถ่ายทำ ทั้งสองเรื่องสูสีกันครับ แต่ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ได้เปรียบตรงที่มีฉากภูมิประเทศหลากหลายกว่า เพราะต้องจับเหตุการณ์ต่างๆ หลายเวลาและสถานที่ แต่ทูมบ์สโตนก็มีข้อทดแทน ด้วยการเล่นโทนสีของฉาก ที่ในภาพรวมดูออกจะฉูดฉาด กระตุ้นความเร้าใจมากกว่า แต่ก็ไม่ถึงกับเกินจริงนัก

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ดนตรีประกอบครับ หนนี้ บรู๊ซ โบรห์ตั้น ผู้เคยร่วมงานกับทั้ง เควิน คอสท์เน่อร์ และผู้กำกับ ลอเรนซ์ คาซดัน มาแต่ก่อนในเรื่อง SILVERADO ย้ายไปทำเพลงให้เรื่องทูมบ์สโตนแทน ผลงานยังยอดเยี่ยมเช่นเดิม
 
แต่ฝีมือของ เจมส์ นิวตั้น ฮาวเวิร์ด ในเรื่อง วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ก็ไม่เลวเสียทีเดียวนะครับ เพียงแต่รู้สึกว่า ผู้กำกับไม่ปล่อยให้โชว์เต็มที่เท่านั้นเอง

ในเชิงการตลาดแล้ว คงพอเดาได้นะครับว่า เรื่องไหนทำเงินมากกว่ากัน ผมเองก็ยอมรับว่า ถ้าดูสนุกเอามันเป็นหลัก ไม่หยุมหยิมเรื่องข้อเท็จจริง หรือความสมเหตุสมผลมากนัก ก็ต้องยกให้ทูมบ์สโตน เพราะเต็มไปด้วยมุข คำคม และลูกเล่นแพรวพราวตลอดเรื่อง

แต่ถ้าต้องการรู้จักตัวจริง พัฒนาการทางนิสัย และชีวิตการผจญภัยของ วายแอ็ท เอิ๊ร์ป ตั้งแต่เล็กจนโต ผ่านหน้าต่างเหตุการณ์หลากหลายในดินแดนตะวันตกละก็ หนังเรื่อง วายแอ็ท เอิ๊ร์ป มีข้อมูลให้ท่านอย่างละเอียด โดยไม่มีการเสริมแต่ง หรือชี้นำความคิดไปในทางใดทั้งสิ้น แบบไม่เคยมีหนังเรื่องใดทำได้ขนาดนี้มาก่อน (และคงจะไม่มีอีกแล้วด้วย)
 
สรุปว่า ยังไงๆก็ต้องดูทั้งสองเรื่อง และสะสมให้ครบทั้งสองเรื่องเลยนะครับ 

มาร์แชลต่อศักดิ์
กันยายน 2549